Friday, September 28, 2018

ทีมาbbc

โกงความตายด้วยการ 'อัปโหลดความนึกคิด'


เทคโนโลยีในอนาคตจะทำให้มนุษย์สามารถโกงความตาย ด้วยการเชื่อมต่อสมองของมนุษย์เข้ากับคอมพิวเตอร์ และมีชีวิตดิจิทัลตลอดกาลได้หรือไม่?
คุณอยากจะมีชีวิตอยู่ เป็นนิรันดร์ไหม?
อีลอน มัสก์ นักธุรกิจทุนหนาด้านเทคโนโลยี คิดว่า มนุษย์จะโกงความตายได้ เขากำลังศึกษาเทคโนโลยี ที่จะเชื่อมต่อสมองของมนุษย์ เข้ากับคอมพิวเตอร์ ช่วยให้หลุดพ้นจากร่างกายที่แก่เฒ่า และเปิดประตูสู่ชีวิตดิจิทัลตลอดกาล
เทคโนโลยีนี้และอีกหลายอย่าง เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ ทรานส์ฮิวแมนนิสซึม (Transhumanism) ซึ่งเป็นการใช้เทคโนโลยีพัฒนาสภาวะทางจิตใจ, ร่างกาย, และสติปัญญาของเรา ยกตัวอย่างเช่น 'การอัปโหลดความนึกคิด'
ลองจินตนาการถึงการคัดลอกความนึกคิด, ความจำ, และลักษณะนิสัยของคน ลงในคอมพิวเตอร์ นักวิทยาศาสตร์บอกว่า ในทางทฤษฎีเป็นไปได้ แต่สมองยังมีความลับอยู่อีกมากมายที่ต้องหาคำตอบ
สมองของเรามีเซลล์ประสาท 8.6 หมื่นล้านเซลล์ ทำให้คนสามารถคิด ผ่านการกระตุ้นสัญญาณไฟฟ้า นักวิทยาศาสตร์ศึกษาหน้าที่ของสมองเหมือนกับคอมพิวเตอร์ยกตัวอย่าง สมองเปลี่ยนข้อมูลที่รับเข้าไป อย่างข้อมูลด้านประสาทสัมผัสให้เป็นข้อมูลที่ส่งออกมา อย่างพฤติกรรมของเรา ผ่านการคิดคำนวณ
นักวิทยาศาสตร์บางคนบอกว่า ด้วยเทคโนโลยีที่เหมาะสม เราอาจลอกจิตใจลงคอมพิวเตอร์ได้
แน่นอนว่า มีคนไม่เห็นด้วย ที่แย้งว่าความซับซ้อนของสมอง ไม่สามารถทำซ้ำได้ ตอนนี้ นักวิจัย หวังว่า จะทำแผนที่การทำงานของเซลล์ประสาทของสมองหนูในเวลา 15 ปี
มันใช้เวลา แต่ผู้ที่เชื่อเรื่อง ทรานส์ฮิวแมนนิสซึม เชื่อว่า อนาคต คนจะผสานเข้ากับคอมพิวเตอร์ได้
ที่มาsanook

เตือนภัย! หุ่นยนต์เอไออาจกลายเป็นเครื่องจักรสังหารได้


ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยเอไอออกเตือนประชาชนทั้งหลายระมัดระวังชีวิตของตัวเองเอาไว้ให้ดี เพราะหุ่นยนต์บำบัดความใคร่ อาจกลายเป็นเครื่องจักรสังหารถ้าถูกผู้ไม่หวังดีแฮกเข้าระบบได้
เว็บไซต์ต่างประเทศรายงานว่า ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยระบบอินเทอร์เน็ต กล่าวเตือนว่า หุ่นยนต์สนองความต้องการทางเพศอาจถูกแฮกโดยแฮกเกอร์มือดี ทำให้หุ่นดังกล่าวกลายเป็นเครื่องจักรสังหารได้ โดยข้อนี้นักวิจัยด้านปัญญาประดิษฐ์เคยออกมาเตือนอยู่เสมอถึงความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่เกิดจากหุ่นยนต์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต และมีหลายร้อยคนเรียกร้องให้รัฐบาลห้ามนำหุ่นยนต์มาเป็นอาวุธ
โดยนิโคลัส แพตเทอร์สัน นักวิทยาการด้านความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ตของมหาวิทยาลัยดีกิน ในเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย กล่าวกับ Star ว่า "แฮกเกอร์สามารถเจาะเข้าไปในหุ่นยนต์หรืออุปกรณ์หุ่นยนต์จนสามารถควบคุมการเชื่อมต่อแขนขาและเครื่องมืออื่นๆ ที่สามารเชื่อมต่อไปยังอาวุธ เช่น มีด ได้ บ่อยครั้งที่หุ่นยนต์เหล่านี้มีน้ำหนักถึง 90 กก. และแข็งแรงมาก เมื่อหุ่นยนต์ถูกแฮกเกอร์เข้าควบคุม จนสามารถออกคำสั่งให้หุ่นทำอะไรก็ได้ แฮกเกอร์สามารถหาประโยชน์จากการกระทำเหล่านี้ได้ทั้งในทางดีและทางร้าย"  โดยเมื่อปีที่แล้ว (60) นักวิจัยได้ค้นพบข้อบกพร่องด้านความปลอดภัยโดยใช้เซ็กส์ทอย ที่ใช้งานผ่านเทคโนโลยีบลูทูธ (Bluetooth) ซึ่งแฮกเกอร์สามารถควบคุมได้จากระยะไกลจากสถานที่ใดที่หนึ่ง และในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ผู้เชี่ยวชาญเขียนคำอธิบายไว้ในวารสาร Nature ทางวิทยศาสตร์ ระบุขณะนี้เหล่าปัญญาประดิษฐ์สามารถหลอกลวงและเข้าชิงในส่วนที่เชื่อมต่อระหว่างสมองกับคอมพิวเตอร์ได้ ทำให้ในสถานการณ์เช่นนี้ความคิดการตัดสินใจและอารมณ์ของแต่ละบุคคลอาจถูกยึดโดยเหล่าเอไอก็เป็นได้
ที่มาsanook

นักวิทยาศาสตร์ห่วง! ปัญญาประดิษฐ์อาจก่อภัยคุกคามมวลมนุษยชาติ


การคืบคลานเข้ามาของระบบปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ได้เปลี่ยนโฉมหน้าของวิทยาการทั่วโลกไปอย่างก้าวกระโดด ทว่ารายงานชิ้นล่าสุดที่รวบรวมข้อมูลจากนักวิทยาศาสตร์ในประเทศที่พัฒนาระบบปัญญาประดิษฐ์ทั่วโลก แสดงความกังวลว่า ความก้าวหน้าของ AI ได้มาพร้อมภัยคุกคามที่คาดไม่ถึง
ไม่นานมานี้ เราได้เห็นศักยภาพของระบบปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ในการตรวจจับข่าวโคมลอยที่กลุ่มก่อการร้ายได้สร้างขึ้นมาบนโลกออนไลน์ ที่มีความแม่นยำสูงถึงร้อยละ 94 ซึ่งถือเป็นการใช้เทคโนโลยี AI เพื่อช่วยให้สังคมปลอดภัยขึ้นได้
ในอนาคตอันใกล้ ระบบ AI จะมีส่วนสำคัญในการทหารมากขึ้น ซึ่งหนึ่งในนั้น คือ โดรน และ หุ่นยนต์สังหาร ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้าน AI จากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ท่านนี้ กังวลว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่เราใช้หุ่นยนต์และระบบปัญญาประดิษฐ์ในการสงครามแทนการใช้มนุษย์อย่างเต็มตัว การส่งผ่านข้อมูลมหาศาลจะเกิดขึ้น ซึ่งมนุษย์ไม่สามารถวิเคราะห์หรือประมวลข้อมูลมากมายเช่นนั้นได้ และต้องพึ่งพาการตัดสินใจที่ประมวลด้วย AI วันนั้นมนุษย์อาจไม่มีความหมายในการตัดสินใจอีกต่อไป
ที่มาsanook

นักวิทยาศาสตร์พัฒนาเทคโนโลยีสร้างแผนที่พื้นผิวมหาสมุทร


คณะผู้แข่งขัน 9 ทีมจาก 25 ประเทศ ผ่านเข้ารอบสุดท้าย ในการชิงเงินรางวัล 7 ล้านดอลลาร์ ในการประชันความสามารถในงาน Ocean XPrize ที่พวกเข้าพัฒนาเทคโนโลยีสร้างแผนที่พื้นผิวมหาสมุทร

นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่าหากใช้เทคโนโลยีที่มีอยู่ในยุคปัจจุบัน ภารกิจนี้น่าจะใช้เวลานานถึง 600 ปี
เมื่อวานนี้ มีการคัดเลือกทีมเข้ารอบสุดท้าย ซึ่งรับเงินรางวัลขั้นต้น 1 ล้านดอลลาร์ หลังจากผู้ตัดสินเห็นว่าเทคโนโลยีต้นแบบของพวกเขา ดีพอที่จะใช้ในระดับทดลองจริงได้
เทคนิคที่ถูกนำมาใช้สร้างแผนที่พื้นผิวมหาสมุทร มาตั้งแต่ ปัญญาประดิษฐ์ เครื่องบินโดรน และพาหนะใต้ทะเล ทั้งหมดนี้ถือเป็นทางเลือกที่นำมาใช้แทนการใช้เรือซึ่งใช้งบประมาณมาก
ที่มาsanook

อดีต จนท.เพนตากอน เตือน "กูเกิ้ล" กำลังก้าวเข้าสู่ "ภาวะอันตรายด้านศีลธรรม"


อดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงกลาโหม หรือ เพนตากอน ตั้งคำถามด้านศีลธรรมกับบริษัทกูเกิ้ล (Google) ในการไม่ต่อสัญญากับโครงการพัฒนาโดรนตรวจจับกับเพนตากอน
นายบ็อบ เวิร์ค อดีตรองรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม บอกว่า พนักงานกูเกิลกำลังเดินหน้าเข้าสู่ภาวะอันตรายด้านศีลธรรมเสียเอง หลังจากกูเกิลประกาศเมื่อต้นเดือนมิถุนายนว่า จะไม่ต่อสัญญากับเพนตากอน ในโครงการ Project Maven ที่ใช้ศักยภาพของปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ในการตรวจจับและระบุเอกลักษณ์จากภาพที่บันทึกได้จากโดรน
พร้อมกันนี้ นายเวิร์ค มองว่า ท่าทีของกูเกิ้ลแฝงเจตนาอื่น เนื่องจากตอนนี้กูเกิ้ลมีโครงการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ในประเทศอื่น รวมทั้งจีน
ทั้งนี้ การถอนตัวจากโครงการ Project Maven ที่กูเกิ้ลทำสัญญาพัฒนาโครงการกับเพนากอนมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2014-2017 เกิดขึ้นหลังจากพนักงาน 13 คนลาออกจากโครงการดังกล่าว และมีพนักงานมากกว่า 4,600 ตำแหน่งลงนามคัดค้านการใช้เทคโนโลยีของกูเกิ้ลเพื่อการทหาร เพราะมองว่าขัดแย้งกับหลักการขององค์กร
ที่มาsanook

นักวิจัยพยายามพัฒนาหุ่นยนต์ให้แก้ไขความผิดพลาดในการทำงานด้วยตัวเอง


หุ่นยนต์หลายตัวในโรงงานประกอบรถยนต์ทำงานได้อย่างรวดเร็วกว่าเเละถูกต้องแม่นยำกว่ามนุษย์ เเละไม่เคยต้องหยุดพักอีกด้วย แต่หากทำงานผิดพลาด หุ่นยนต์เหล่านี้จะไม่เข้าใจถึงความผิดพลาด เเละไม่สามารถกลับไปแก้ไขความผิดพลาดที่เกิดขึ้นได้
เฺฮนนี่ แอดโมนี่ รองศาสตราจารย์ด้านหุ่นยนต์ ที่มหาวิทยาลัยคาร์เนกี้ เมลลอน กล่าวว่า การเข้าใจความผิดพลาดและการแก้ไขเป็นงานที่ยากสำหรับหุ่นยนต์ เพราะต้องใช้ข้อมูลบริบทในระดับที่ยังไม่สามารถพัฒนาได้ในหุ่นยนต์
รองศาสตราจารย์แอดโมนี่และทีมงานวิจัยซึ่งเป็นนักศึกษาของเธอ กำลังพยายามโปรแกรมให้หุ่นยนต์ชื่อ Baxter ทดลองทำงานเป็นพนักงานร้านของชำ ทำหน้าที่ช่วยหยิบสินค้าใส่ถุง และทีมงานใช้กล้องถ่ายภาพมาตรฐานร่วมกับกล้องถ่ายภาพเเสงอินฟราเรด เพื่อช่วยให้หุ่นยนต์ Baxter จดจำสิ่งของต่างๆ ได้
รองศาสตราจารย์แอดโมนี่ กล่าวว่า ส่วนที่น่าสนใจมากที่สุดไม่ได้อยู่ที่ความสามารถในการรับรู้เเละเข้าใจในงานที่ทำเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่หุ่นยนต์สามารถนำข้อมูลที่เข้าใจไปใช้งานด้านเหตุผลอย่างไร
แต่ก็เกิดคำถามว่า ถ้าเช่นนั้นทำไมทีมนักวิจัยจึงไม่รวมเอาความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้ทั้งหมด เเละวิธีการแก้ไข เข้าไว้ในระบบคอมพิวเตอร์ที่ควบคุมหุ่นยนต์เสียตั้งเเต่ต้น
ต่อเรื่องนี้ รองศาสตราจารย์แอดโมนี่กล่าวว่า การรวมเอาข้อผิดพลาดเเละทางแก้เข้าไว้ในระบบคอมพิวเตอร์ของหุ่นยนต์ไม่มีประสิทธิผลเสมอไปเพราะความผิดพลาดยังมีโอกาสอาจหลุดรอดการทำงานของหุ่นยนต์ไปได้เเละเมื่อเจอกับสถานการณ์ใหม่ หุ่นยนต์ต้องพยายามเข้าใจงานใหม่ตรงหน้า เเละจะต้องตั้งข้อจำกัดใหม่เกี่ยวกับข้อผิดพลาดทั้งหมดอีกครั้ง 
ที่มาsanook

10 เทคโนโลยีที่น่าตื่นเต้น และน่าสนใจในปี 2018


ระบบสแกนลายนิ้วมือในหน้าจอ

หลังจากที่มีเรื่องราวของการนำระบบสแกนลายนิ้วมือไปใส่ในหน้าจอต้อนรับกระแสมือถือจอไร้กรอบ คาดว่าในไตรมาสแรกคงได้เห็นเทคโนโลยีนี้ออกมา
ซึ่งผู้ที่ใช้เทคโนโลยีนี้รายแรกคือ Vivo นั่นเอง โดยใช้เทคโนโลยี Clear ID FS9500 chip ฝั่งเข้าไปในหน้าจอ AMOLED ช่วยให้อ่านลายนิ้วมือได้อย่างแม่นยำ
แต่ใครจะเป็นรายที่ 2 ที่ใส่เทคโนโลยีนี้คงต้องจับตาดูกันต่อไป

มือถือที่สามารถพับหน้าจอได้ (Foldable Phone)

หลังจากมือถือรุ่นแรกที่พับหน้าจอและขายจริงออกมาอย่าง ZTE AXON M ซึ่งทำให้คนชอบเทคโนโลยีหน้าจอใหญ่ตื่นตัวกับมือถือแบบนี้
แต่ข่าวหลุดภายในบอกว่า Samsung อาจจะพัฒนามือถือจอพับได้ออกมาช่วงปลายปี 2018 มีชื่อว่า Galaxy W เพราะคงรอเทคโนโลยีจอ Super AMOLED แบบพับได้อย่างสมบูรณ์ก่อน
แต่หน้าตาออกมาจะเป็นอย่างไรคงต้อรอดูในช่วงปลายเดือนนี้

Apple กับการพัฒนาอุปกรณ์ AR ครั้งแรก

ที่ผ่านมา Apple เริ่มให้ความสนใจเทคโนโลยี AR หรือ augmented reality โดยเน้นการแสดงผลภาพร่วมกับโลกข้อความเป็นจริง ที่แตกต่างจากเทคโนโลยร VR (Vistual Reality) พอสมควร
แม้ว่าเรื่องนี้ยังไม่แน่ชัด แต่ก็มีกระแสข่าวออกมาว่า Apple กำลังพัฒนาและคาดว่าจะมีอุปกรณ์ออกมาในช่วงปี 2019 แต่ทั้งหมดคงต้องจับตาดูกันต่อไป

ระบบสั่งงานด้วยเสียงที่แนบเนียนกับคน จนแยกไม่ออก

ความน่าตื่นเต้นในปีก่อนคือ ระบบคำสั่งงานด้วยเสียงเริ่มรับคำสั่งคนได้หลากหลายและทำให้ชีวิตหลายคนสะดวกขึ้น
แต่ถ้าในปีนี้ระบบคำสั่งเหล่านี้เริ่มมีเสียงคล้ายกับคนมากขึ้นโดยเฉพาะ สำเนียง และการอ่านข้อความผ่านกระดาษได้ จะเป็นอย่างไร คงต้องรอดูและจับตาดูกันต่อไป

ลำโพงฉลาดที่เน้นคุณภาพเสียง

Amazon ถือว่าเป็นผู้นำทางด้านการพัฒนา Smart Speaker หรือ ลำโพงอัจฉริยะที่สามารถสั่งงานด้วยเสียงผ่านระบบรับคำสั่งอย่าง Amazon Alexa แต่ดูเหมือนกับลำโพงเหล่านี้จะไม่เข้าตานักฟังเพลงเพราะคุณภาพนั้นยังไม่เข้าขั้น
แต่ปีนี้น่าจับตาดูลำโพง Home Pods ของ Apple ที่คาดว่าจะทำคุณภาพออกมาได้โดดเด่นและน่าฟังไม่น้อยแต่ราคาอาจจะต้องคิดหนักกันนิดหน่อย

Project Treble ออกมาเพื่อแก้ปัญหา Software ของ Android

หากคุณใช้มือถือระบบปฏิบัติการ Android และพบปัญหาว่าเมื่ออัปเดทเครื่องแล้วมีปัญหาเกี่ยวกับ Software อย่างมาก ยกเว้น Pixel หรือ Nexus ที่ไม่ค่อยมีปัญหา
Google กำลังทำอีก Project หนึ่งกับระบบปฏิบัติการ Android โดยมีชื่อว่า Project Treble โดยเป็นโปรเจ็คที่จะทำให้เครื่องสามารถอัปเกรดได้ง่ายมากขึ้น ซึ่งระบบนี้ถูกติดตั้งใน Android 8.0 Oreoใหม่ แต่อาจจะไม่ครบทุกเครื่อง
แค่ว่าตอนนี้กำลังรอถึงเวลาเท่านั้น เพราะมือถือที่จะรองรับโปรเจคนี้ จะออกมาในปี 2018 นี้แล้วล่ะ

การกลับมาของมือถือจีน ที่ราคาไม่แพง

อีกไม่นานคาดว่ามือถือที่มีชื่อเสียงในจีนอย่าง OPPO, Huawei, Xiaomi, และ Brand อื่นๆ จะบุกเข้าตลาดทั่วโลก รวมถึงสหรัฐอเมริกา
ซึ่งความตื่นเต้นแรกคือ Huawei Mate 10 Pro ที่กำลังจะวางขายกับเครือข่ายมือถือ AT&T ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์นี้
เช่นเดียวกับ Xiaomi ที่กำลังจะรุกตลาดยุโรป ที่คนส่วนมากซื้อมือถือแบบเท่าที่มีและไม่ได้เน้นแพงมาก และคาดว่าจะบุกในสหรัฐฯ อีกไม่นาน แต่ต้องวางแผนให้รัดกุมทั้งราคา, กลุ่มเป้าหมาย และ คุณภาพของเครื่อง

Google กับการทำมือถือ AI ครั้งแรก

ปืที่ผ่านมา Google ได้ส่ง Pixel 2 เข้าตลาดและได้รับความนิยมสูงเพราะคะแนนกล้องของรุ่นนี้ทำได้ดีจนมือถือกล้องมากกว่า 1 ตัวต้องหันมองกันเลยทีเดียว
แต่เบื้องหลังของ Google Pixel 2 นั้นมีการติดตั้ง AI ในเรื่องของการถ่ายภาพเข้าไปจึงทำให้ความสามารถของเครื่องนั้นเก่งมากขึ้น และจัดสีและแสงได้กำลังดี และคาดว่าในปีนี้จะมี AI เกี่ยวกับเรื่องอื่นเช่นการค้นหา เข้าใส่ในมือถืออาจจะใช้ชื่อว่า Pixel 3 และ Pixel 3 XL

iPad Pro ที่ไร้กรอบและใช้ Face ID

ย้อนกลับไปในปี 2017 iPad Pro ถือว่าเป็นสินค้า Apple ที่มีการปรับปรุงรายละเอียดมากที่สุดอีกชิ้นหนึ่ง แม้ว่าจะมีบางสิ่งเช่น  Touch ID ที่ยังคงเป็นเอกลักษณ์อยู่ก็ตาม
แต่สำหรับปีนี้ก็อาจจะเป็นปีที่ iPad จะได้หน้าจอใหญ่อลังการไร้กรอบเหมือนกับ iPhone X และคาดว่าจะใช้ระบบสแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อคหรือ Face ID เช่นเดียวกัน และคาดว่าจะทำอะไรได้มากขึ้น แต่จะใกล้กับคอมพิวเตอร์แค่ไหน คงต้องจับตาดูกันต่อไป

เทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่จะยืนยาวมากขึ้น

ย้อนกลับไปในปี 2017 พบว่าเทคโนโลยีของแบตเตอรี่มือถือนั้นดีขึ้นทำให้ใช้งานได้ยาวนานขึ้นถึง 25% ผลลัพธ์ที่ได้นั้นเกิดจากการที่ CPU อย่าง Qualcomm Snapdragon 835 ที่มีขนาดเล็กลง และรุ่นใหม่อย่าง Qualcomm Snapdragon 845 ก็จะมีประสิทธิภาพดีขึ้น

ทีมา bbc โกงความตายด้วยการ 'อัปโหลดความนึกคิด' เทคโนโลยีในอนาคตจะทำให้มนุษย์สามารถโกงความตาย ด้วยการเชื่อมต่อสมองของมนุษย์...